ปฏิวัติเวียดนาม
แม้อุดมการณ์คอมมิวนิสต์กระแสหลักจะเข้าสู่เวียดนามผ่านขบวนการโคมินเทิร์นและโฮจิมินห์ แต่ก็ปรากฏหลักฐานว่าขบวนการเตินเหวียด (Tan Viet – เวียดนามใหม่) ก็ได้รับอุดมการณ์มาร์กซิสม์เช่นกันโดยไม่ผ่านโคมินเทิร์น พรรคนี้ก่อตั้งราวปี 1925 โดยเป็นที่รวมของนักศึกษาและอดีตนักโทษการเมือง แต่ก็เป็นการรับรู้ที่จำกัด เนื่องจากฝรั่งเศสกวดขันอย่างเข้มงวดในการป้องกันไม่ให้เอกสารเกี่ยวกับแนวคิดมาร์กซิสม์เผยแพร่เข้าสู่อาณานิคม หนังสือพิมพ์ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ลงข่าวการปฏิวัติบอลเชวิคหรือสถานการณ์ในโซเวียต อย่างไรก็ตาม เมื่อโฮจิมินห์จัดตั้งองค์กรของขบวนการคอมมิวนิสต์ขึ้นครั้งแรกทางตอนใต้ของประเทศจีน โดยได้รับการสนับสนุนจากโคมินเทิร์น อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ก็มีโอกาสเผยแพร่สู่ชาวเวียดนามได้มากขึ้น
จุดกำเนิดของขบวนการคอมมิวนิสต์
ผู้นำในขบวนการต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสในเวียดนามมีทั้งผู้นำเดิมของเวียดนามที่สูญเสียอำนาจและกลุ่มปัญญาชน โดยปรากฏออกมาในรูปของขบวนการผู้รักชาติรูปแบบต่างๆ แต่ต่อมาก็พบว่าขบวนการชาตินิยมเหล่านี้ไม่สามารถต่อต้านฝรั่งเศสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นขบวนการที่อาศัยชนชั้นสูงชาวเวียดนามเป็นหลัก มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับการระดมพลังมวลชนให้เข้ามามีส่วนร่วม เมื่อขบวนการชาตินิยมดังกล่าวถูกฝรั่งเศสกำจัด จึงเหลือเพียงขบวนการคอมมิวนิสต์ซึ่งได้เปรียบขบวนการชาตินิยมอื่นๆ ในเวียดนามตรงที่สามารถรวมตัวกันได้อย่างกว้างขวางและค่อนข้างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการที่จะต้องสืบทอดภารกิจต่อไป
ฝรั่งเศสได้ทำลายอารยธรรมดั้งเดิมของเวียดนามไปจนแทบจะหมดสิ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนเวียดนามจากสังคมหมู่บ้านที่เป็นปึกแผ่นและผสมผสานกลมกลืนกัน มาเป็นรัฐที่มีอำนาจควบคุมอย่างใกล้ชิดและเก็บภาษีอย่างเข้มงวด และการที่ฝรั่งเศสมีฐานสนับสนุนเพียงกลุ่มเจ้าที่ดินและขุนนางกลุ่มน้อย จึงเปิดโอกาสให้แนวความคิดใหม่ๆ โดยเฉพาะจากตะวันตกหลั่งไหลเข้าสู่เวียดนาม ซึ่งรวมทั้งอุดมการณ์มาร์กซ์-เลนินด้วย โฮจิมินห์นั้นเห็นว่าแนวคิดด้านเศรษฐกิจของเลนินสามารถนำไปสู่การปลดแอกอาณานิคมและนำมาซึ่งอำนาจรัฐ แนวคิดนี้ถือว่าขบวนการชาตินิยมที่ไม่ได้อยู่ในโลกตะวันตกมีศักยภาพที่จะเป็นพันธมิตรต่อต้านศัตรูร่วมกัน เลนินได้เสนอว่าพรรคคอมมิวนิสต์ในสังคมก่อนอุตสาหกรรมควรจะร่วมมือกับพลังชาตินิยมอื่นๆ เพื่อดำเนินการปฏิวัติตามแนวทางประชาธิปไตยทุนนิยม หลังจากนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จะแยกตัวเองออกมาเพื่อดำเนินการปฏิวัติในขั้นต่อไปตามแนวทางสังคมนิยม