ปฏิวัติเวียดนาม
ภารกิจแรกในการดำเนินงานปฏิวัติคือ การจัดตั้งองค์กรเพื่อเป็นศูนย์กลางในการระดมการสนับสนุนจากกลุ่มพลังชาตินิยมในเวียดนาม โดยในปี 1925 โฮจิมินห์จัดตั้ง “สันนิบาตเพื่อการปฏิวัติของกลุ่มคนหนุ่มเวียดนาม” หรือแทนห์เนียน (Viet Nam Thanh Nien Cach Menh Dong Chi Hoi – Thanh Nien) ขึ้นที่มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ประกอบด้วยผู้ลี้ภัยกลุ่มย่อยๆ ในจีนตอนใต้ อดีตสมาชิกของกลุ่มขบวนการผู้รักชาติอื่นๆ และนักศึกษาปัญญาชน เพื่อเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์และฝึกอบรมชาวเวียดนามให้กลับไปปฏิบัติการในประเทศ โดยเยาวชนชาวเวียดนามจะถูกส่งไปประเทศจีนเพื่อฝึกหัดวิธีการปฏิวัติ ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งกลับเวียดนามเพื่อวางรากฐานขบวนการปฏิวัติภายในประเทศ ในระยะเวลาเพียง 2-3 ปี แทนห์เนียนก็สามารถสร้างองค์กรใต้ดินที่มีสมาชิกหลายพันคน
การจัดตั้งองค์กรของขบวนการคอมมิวนิสต์นับเป็นพัฒนาการที่มีความสำคัญสำหรับการต่อต้านฝรั่งเศส แต่เดิม อุดมการณ์คอมมิวนิสต์เป็นเพียงแนวความคิดที่เผยแพร่ในหมู่ชาวเวียดนามจำนวนน้อย และมิได้มีการรวมกลุ่มเพื่อทำการปฏิวัติอย่างชัดเจน โฮจิมินห์ตระหนักดีว่าการปฏิวัติจะเกิดขึ้นไม่ได้ในสภาพดังกล่าว เนื่องจากการปฏิวัติจะต้องเป็นการรวมพลังกันของปัจเจกชน และหากปราศจากการจัดตั้งองค์กรก็จะไม่มีการปฏิวัติ การก่อตัวของขบวนการคอมมิวนิสต์เวียดนามในช่วงปี 1925-1930 เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การต่อต้านฝรั่งเศส เพราะนอกจากขบวนการนี้จะเสนออุดมการณ์ใหม่แล้ว ยังมีวิธีการต่อสู้ที่ชัดเจนกว่าขบวนการชาตินิยมอื่นๆ ในอดีต ดังที่ปรากฏในข้อเขียนของโฮจิมินห์ในหนังสือชื่อ แนวทางปฏิวัติ (Duong Kach Menh – เดื่องแก๊จแหม่นห์) ซึ่งเน้นถึงหลัก 3 ประการดังนี้
1. การปฏิวัติเป็นหน้าที่ของมวลชนผู้เป็นชาวนาและกรรมกร และมิใช่เป็นของวีรบุรุษไม่กี่คน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องรวบรวมมวลชนให้เข้าร่วมในการปฏิวัติ
2. เพื่อให้ประสบความสำเร็จ การปฏิวัติจำเป็นต้องมีพรรคมาร์กซ์-เลนินเป็นผู้นำ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องก่อตั้งพรรคในรูปแบบใหม่
3. การปฏิวัติเพื่อชาติจำเป็นต้องจัดร่วมไปกับการปฏิวัติในโลก และชาวเวียดนามต้องกระทำการร่วมกันพร้อมกับชนชั้นกรรมกรทั่วโลก
ความสำเร็จของขบวนการคอมมิวนิสต์นั้นเนื่องมาจากความชัดเจนของทฤษฎีมาร์กซ์-เลนินที่เน้นการปฏิบัติ และความสามารถของนักปฏิวัติชาวเวียดนามที่สามารถปรับทฤษฎีดังกล่าวให้สอดคล้องกับพื้นฐานทางสังคมของเวียดนาม การปรับทฤษฎีให้สอดคล้องกับการปฏิบัติที่สำคัญคือ ขบวนการคอมมิวนิสต์เวียดนามจะเน้นเรื่องคุณธรรมมาก การฝึกอบรมสมาชิกของขบวนการจึงเน้นที่ความมัธยัสถ์ ความยุติธรรม ความไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ความถ่อมตน และจิตสำนึกแห่งการเสียสละ ในปี 1925 ขบวนการแทนห์เนียนประกาศว่า สมาชิกของขบวนการต้องปฏิญาณว่าจะเสียสละเจตจำนงส่วนตัว ผลประโยชน์ส่วนตัว และชีวิตของตัว เพื่อการปลดปล่อยชาติเป็นอันดับแรก (โค่นล้มระบอบอาณานิคมฝรั่งเศสและนำเสรีภาพมาสู่ประชาชน) และเพื่อการปฏิวัติโลกในลำดับต่อไป (โค่นล้มระบบทุนนิยมและสถาปนาระบบสังคมนิยม)