www.namz-mim-FD.com

การทำสมาธิคือการออกกำลังกายไปในตัว
ดังนั้นยิ่งคนที่มีกำลังสมาธิสูงขึ้นเท่าใดประสิทธิภาพในการใช้กำลังสมาธิเพื่อ
ออกกำลังกายจะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นด้วย
แล้วการเผาผลาญอาหารจะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นด้วย
แล้วหากสามารถทำสมาธิได้ทั้งวันแล้วยิ่งถ้าสามารถปล่อยให้มือเคลื่อนไป
เคลื่อนมาได้โดยปล่อยไว้เฉย ๆ ได้ จะทำเท่ากับเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
ซึ่งวิการนี้จะเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย
แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างหนึ่ง คือต้องหมั่นทำวิปัสนากรรมฐานไปด้วย
ซึ่งการทำสมาถะทำให้จิตนิ่งอยู่แล้ว
เพียงเบี่ยงเบนความสนใจจากจุดเดิมให้มาเป็นการสำรวจการกระทำของตนก็จะ
เปลี่ยนจากสมาถะมาเป็นวิปัสนากรรมฐานได้ในทันที
นี่จึงเป็นประโยชน์ของการทำสมาธิ
แต่ว่าการทำสมาธิซึ่งเกิดขึ้นกับผู้เขียนเท่านั้น
คือผู้เขียนจะมีอัตราการเผาผลาญอาหารได้ดีกว่าเมื่อก่อนอย่างมาก
ทำให้ความต้องการอาหารมากกว่าปกติหากต้องใช้กำลังสมาธิมาก ๆ
แต่หากเป็นการทำสมาธิเพื่อการพักผ่อนหรือการใช้กำลังสวมาธิทำเพื่อตนเองก็จะ
ใช้กำลังสมาธิไม่มาก
นั่นหมายความว่าหากใช้กำลังสมาธิทำอาณาปานสติแล้วอยู่เฉย ๆ
ไม่ทำอะไรเพิ่มเติมจากนั้น จะให้ผลของการเผาผลาญอาหารน้อย
เพราะเป็นการทำสมาธิเพื่อพักผ่อนจึงใช้อาหารน้อย
แล้วสามารถอยู่ได้ด้วยอาหารเพียงมือเดียวต่อวันได้
เมื่อการทำสมาธิเป็นการออกกำลังกายไปด้วยในตัว
จึงเท่ากับโรคที่เกิดขึ้นแล้วมีผลจากการไม่ออกกำลังกาย เช่นโรคหัวใจ
โรคเส้นเลือดตีบ หากมีอยู่แล้วโรคเหล่านั้นจะค่อย ๆ หายไปเอง
หรือหากไม่เคยมีโรคเหล่านี้ก็จะไม่มีความเสี่ยงที่จะทำให้โรคเหล่านี้เกิด
ขึ้น อีกอย่างระบบการขับถ่ายก็จะดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
เพราะเมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดมากขึ้น แต่หัวใจไม่ได้ทำงานหนักมากเกินไป
หัวใจจะเต้นเร็วขึ้นอีกนิดหน่อย
สภาพนี้จะทำให้ระบบการขับเหงื่อทำงานได้ดีขึ้น
เหงื่อจะถูกขับออกจากร่างกาย
ซึ่งจะเป็นการขับของเสียซึ่งร่างกายไม่ต้องการให้ขับออกไปทางเหงื่อให้ง่าย
ขึ้นด้วย ภูมิต้านทานโรคก็จะดีขึ้นด้วย
ประโยชน์ของการทำสมาธิจะมีประโยชน์ทางด้านนี้ด้วย
อันที่จริงแล้วสมาถะหรือสมาถะกรรมฐานถือว่ามีประโยชน์มาก
แต่มีข้อเสียอยู่อย่างเดียวเท่านั้นและเป็นข้อเสียที่ร้ายแรงและสำคัญ
คือทำให้อนุสัยในจิตและสันดานในสมองที่ฟุ้งออกมาเข้าไปควบแน่นสะสมให้มีมาก
ขึ้น
จะทำให้เกิดความสงบซึ่งเกิดเป็นสงบที่เกิดขึ้นอยู่ในสภาพของการตกอยู่ใน
ภวังค์
แล้วในขณะเดียวกันก็เป็นการกระตุ้นให้อนุสัยในจิตและสันดานในสมองที่ควบแน่น
จะฟุ้งออกมามากขึ้นแล้วจะเกิดความฟุ้งซ่านตามปริมาณอนุสัยและสันดานที่ฟุ้ง
ออกมาในรูปผลกระทบทางด้านจิตใจ
ฟุ้งออกมาเท่าไรความรู้สึกก็จะรุนแรงเท่านั้น
จึงต้องทำวิปัสนากรรมฐานเพื่อทำสิ่งที่ฟุ้งออกมาให้เกิดความบริสุทธิ์จะได้
ไม่เกิดควาสมฟุ้งซ่านจากการฟุ้งของอนุสัยและสันดานนั่นเอง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เพียงพอมากแล้วที่จะทำให้เราหันมาสนใจการปฏิบัติธรรมอย่าง
จริงจัง
เพราะการทำสมาธิยังสามารถแก้ไขปัญญาสำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
ให้มีเวลาออกกำลังกายควบู่กับการทำงานประกอบอาชีพในชีวิตประจำวันด้วย
ประโยชน์ของการทำสมาธิจึงมีอยู่มากมายมหาศาลสุดประมาณนั่นเอง
